ฝุ่น PM 2.5, เครื่องเติมอากาศ, แพ้ฝุ่น

ฝุ่น pm 2.5 เกิดจากอะไร ไขข้อสงสัย ฝนตกค่าฝุ่นลดลงจริงหรือไม่ ?

ฝุ่น pm 2.5 เกิดจากอะไร

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ วิกฤตฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่น pm 2.5 เกิดจากอะไร ถือเป็นคำถามที่ถูกถามกันมานาน และปัญหานี้ยังได้ได้กลายเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของประเทศไทยโดยเฉพาะในโซนเมืองกรุงเทพมหานคร ทำให้หลายคนต่างเฝ้าติดตามการวัดค่าของคุณภาพอากาศกันอย่างใกล้ชิด โดยมีหนึ่งในความเชื่อที่ถูกบอกต่อ ๆ กัน “เมื่อฝนตกหนัก อากาศจะสะอาดขึ้น และลด pm 2.5 ได้จริงหรือไม่ ?” บทความนี้จะพาไปเจาะลึกข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยอ้างอิงข้อมูลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ พร้อมวิเคราะห์ถึงปัญหาคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality: IAQ) ซึ่งเป็นภัยเงียบที่หลายคนอาจมองข้ามไปในช่วงหน้าฝน

ทำความรู้จัก PM 2.5 คืออะไร

 

จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของ โรงพยาบาลศิครินทร์ ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร PM 2.5 (Particulate Matters) คือฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางเทียบเท่า 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผม  ด้วยขนาดที่เล็กมากนี้เอง ทำให้ขนจมูกไม่สามารถกรองได้ และสามารถเล็ดลอดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ง่าย สำหรับสาเหตุหลักที่ว่า ฝุ่น pm 2.5 เกิดจากอะไร นั้น สามารถแบ่งได้เป็น 2 แหล่งกำเนิดหลักคือ จากธรรมชาติ เช่น ไฟป่า และจากกิจกรรมของมนุษย์ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง เช่น การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร การเผาขยะ รวมถึงการเผาไหม้จากยานพาหนะ โรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้าง ในเขตเมืองอย่างกรุงเทพมหานคร การจราจรที่หนาแน่นถือเป็นแหล่งกำเนิดหลักของฝุ่น PM 2.5

หลายคนมีความเชื่อว่าเมื่อฝนตกจะทำให้อากาศดีขึ้นและค่าฝุ่นลดลง ซึ่งเป็นความจริงเพียงบางส่วน มีงานวิจัยในต่างประเทศชี้ว่าฝนที่ตกหนักสามารถช่วยลดความเข้มข้นของฝุ่น PM 2.5 ได้ แต่ในปริมาณที่ไม่มากนัก โดยลดลงได้เพียงประมาณ 8.7% ส่วนฝนที่ตกปรอยๆ หรือปานกลางแทบไม่มีผลในการลดฝุ่นขนาดเล็กนี้เลย ทั้งนี้เพราะเม็ดฝนอาจมีขนาดใหญ่กว่าฝุ่นมาก ทำให้การจับและชะล้างฝุ่น PM 2.5 เป็นไปได้ยาก ดังนั้น แม้ฝนจะตกก็ยังจำเป็นต้องมี การป้องกันฝุ่น pm 2.5 อย่างต่อเนื่อง เช่น การสวมหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน N95 หรือ KN95 เมื่อต้องออกไปในที่โล่งแจ้ง การหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่มีค่าฝุ่นสูง และการใช้เครื่องฟอกอากาศภายในบ้านเพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่น

เจาะลึกฝุ่น PM 2.5 เกิดจากอะไร?

ฝุ่น pm 2.5 เกิดจากอะไร พบว่าสามารถแบ่งแหล่งกำเนิดได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ แหล่งกำเนิดจากธรรมชาติ เช่น ไฟป่าหรือฝุ่นจากทะเลทราย และแหล่งกำเนิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองอย่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑล การจราจรและการขนส่งถือเป็นต้นตอหลัก

เนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซลมีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดควันดำและฝุ่นละอองขนาดเล็กจำนวนมาก นอกจากนี้ ภาคอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหินและน้ำมัน ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งกำเนิดที่สำคัญ ในพื้นที่ต่างจังหวัด การเผาในที่โล่งแจ้ง โดยเฉพาะการเผาเศษวัสดุทางการเกษตรเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก ถือเป็นสาเหตุหลักของปัญหาฝุ่นควัน

ผลกระทบของฝุ่น pm2.5 นั้นร้ายแรงกว่าที่คิด ด้วยขนาดที่เล็กมากทำให้สามารถผ่านเข้าสู่กระแสเลือดและกระจายไปยังอวัยวะต่างๆ ได้ ในระยะสั้นอาจทำให้เกิดการระคายเคืองตา จมูก และลำคอ หรือทำให้โรคประจำตัวอย่างหอบหืดกำเริบ ส่วนผลกระทบระยะยาวนั้นน่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ มะเร็งปอด และอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองได้ ด้วยเหตุนี้ การป้องกันฝุ่น pm 2.5 จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยควรเริ่มจากการหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่ค่าฝุ่นสูง สวมหน้ากากอนามัยมาตรฐาน N95 ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด และใช้เครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ

ผลกระทบจากฝุ่น pm 2.5

ฝุ่น PM2.5 เป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากมีขนาดเล็กมากจึงสามารถผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ง่าย ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ที่มีต่อร่างกายสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

ผลกระทบระยะสั้น

  • ระบบทางเดินหายใจ: ทำให้เกิดการระคายเคืองในจมูก ลำคอ และดวงตา, ไอ, จาม, มีน้ำมูก, และหายใจไม่สะดวก สำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) อาจทำให้อาการกำเริบได้

  • ผิวหนัง: อาจทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง และมีผื่นแดง

  • อาการทั่วไป: บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ และอ่อนเพลีย

 

ผลกระทบระยะยาว

    • ระบบทางเดินหายใจ: เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบและปอดบวม และอาจนำไปสู่โรคเรื้อรังอย่างโรคหอบหืดและถุงลมโป่งพอง

    • ระบบหัวใจและหลอดเลือด: เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke), หัวใจเต้นผิดจังหวะ และความดันโลหิตสูง

    • โรคมะเร็ง: องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ฝุ่น PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 ซึ่งสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งปอด และอาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

    • สมองและระบบประสาท: การได้รับฝุ่นเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการอักเสบในสมอง ส่งผลให้เสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน

การป้องกัน pm 2.5

เมื่อทราบถึงที่มาว่า ฝุ่น pm 2.5 เกิดจากอะไร และตระหนักถึง ผลกระทบของฝุ่น pm2.5 ที่มีต่อร่างกาย การนำวิธี การป้องกันฝุ่น ไปปรับใช้อย่างจริงจังจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยสามารถแบ่งแนวทางปฏิบัติได้ดังนี้:

การป้องกันตนเองเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง

    • ตรวจสอบคุณภาพอากาศ: ติดตามค่าฝุ่น PM2.5 ผ่านแอปพลิเคชันที่เชื่อถือได้ เช่น Air4Thai หรือ IQAir ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง

    • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง: ในวันที่มีค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐาน ควรลดระยะเวลาหรือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกอาคารโดยไม่จำเป็น

    • สวมหน้ากากป้องกัน: เลือกใช้หน้ากากที่ได้มาตรฐาน N95 หรือ KN95 ซึ่งสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ดีกว่าหน้ากากอนามัยทั่วไป

การป้องกันภายในอาคารและที่พักอาศัย

    • ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท: เพื่อลดการเล็ดลอดของฝุ่นจากภายนอกเข้ามาสะสมภายในบ้าน

    • ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ: ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดถูบริเวณต่างๆ และใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น

    • วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด – การใช้เครื่องฟอกอากาศ: การป้องกันฝุ่น pm 2.5 ภายในบ้านที่ดีที่สุดคือการใช้ “เครื่องฟอกอากาศ” ที่มีแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง หรือ HEPA (High-Efficiency Particulate Air) ซึ่งสามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% การมีเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นจะช่วยสร้างพื้นที่อากาศสะอาด (Clean Air Zone) ลดความเสี่ยงในการสัมผัสฝุ่นพิษในขณะที่เราพักผ่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ นับเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่คุ้มค่าในระยะยาว

FAQ

สาเหตุหลักของการเกิดฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทยมาจาก “การเผาในที่โล่ง” ซึ่งรวมถึงการเผาเศษวัสดุทางการเกษตรหลังการเก็บเกี่ยว และไฟป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือรองลงมาคือ “การจราจร” โดยเฉพาะควันจากท่อไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซลในเขตเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่น และ “โรงงานอุตสาหกรรม” ที่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล

กิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 มากที่สุดในภาพรวมของประเทศไทยคือ การเผาในที่โล่ง.ซึ่งรวมถึงการเผาป่าและการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร. อย่างไรก็ตาม ในบริบทของพื้นที่เมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล แหล่งกำเนิดหลักจะมาจาก การจราจรและการขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งควันจากท่อไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซล

ความอันตรายของฝุ่น PM2.5 อยู่ที่ขนาดที่เล็กมาก (ไม่เกิน 2.5 ไมครอน) ทำให้ขนจมูกไม่สามารถกรองได้ ฝุ่นพิษนี้จึงสามารถเดินทางผ่านระบบทางเดินหายใจเข้าสู่ปอดและแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆ ดังนี้

  • ระยะสั้น: เกิดการระคายเคืองตา จมูก ลำคอ, ไอ, หายใจลำบาก และทำให้อาการของโรคหอบหืดกำเริบ

  • ระยะยาว: เพิ่มความเสี่ยงของโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และที่สำคัญคือ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้ฝุ่น PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 ที่สัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งปอด

กิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 มากที่สุดในภาพรวมของประเทศไทยคือ การเผาในที่โล่ง ซึ่งรวมถึงการเผาป่าและการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร อย่างไรก็ตาม ในบริบทของพื้นที่เมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล แหล่งกำเนิดหลักจะมาจาก การจราจรและการขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งควันจากท่อไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซล.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

การป้องกันฝุ่น pm 2.5

สถานการณ์ฝุ่นละอองยังคงเป็นประเด็นที่น่ากังวลในสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลข่าวล่าสุดพบว่า ปัญหา ฝุ่น pm 2.5 เกิดจากอะไร ยังคงมีต้นตอหลักมาจากการเผาในที่โล่ง ทั้งในพื้นที่ป่าและภาคการเกษตร รวมถึงมลพิษจากภาคอุตสาหกรรมและการจราจรในเขตเมือง ซึ่งเมื่อประกอบกับสภาพอากาศนิ่งในช่วงรอยต่อของฤดูกาล ยิ่งทำให้ฝุ่นละอองสะสมตัวและมีค่าสูงเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขชี้ชัดถึง ผลกระทบของฝุ่น pm2.5 ที่เพิ่มอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยโรคปอด มะเร็ง และโรคหัวใจ โดยพบว่ามีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจและผิวหนังอักเสบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ค่าฝุ่นสูง ด้วยเหตุนี้ ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ออกมาตรการ การป้องกันฝุ่น อย่างเข้มข้น เช่น การพิจารณาประกาศพื้นที่ควบคุมโรคจากฝุ่น PM2.5, การรณรงค์ให้ประชาชนตรวจสอบคุณภาพอากาศและสวมหน้ากากอนามัย, และการส่งเสริมให้องค์กรต่างๆ ใช้มาตรการ Work From Home เพื่อลดการสัมผัสฝุ่น

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92909

ปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่ประเทศไทยต้องเผชิญเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวต่อถึงฤดูร้อน ฝุ่น pm 2.5 เกิดจากอะไร คำตอบที่ชัดเจนคือเกิดจากหลายปัจจัยประกอบกัน ทั้งการเผาในที่โล่งเพื่อทำการเกษตรและไฟป่า, มลพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ในการจราจรที่หนาแน่น, และการปล่อยควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ผลกระทบของฝุ่น pm2.5 นั้นร้ายแรงกว่าที่คิด เพราะด้วยขนาดที่เล็กจิ๋วทำให้สามารถแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายได้ นำไปสู่โรคระบบทางเดินหายใจ, โรคหัวใจและหลอดเลือด, และเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด

แม้ การป้องกันฝุ่น เบื้องต้นอย่างการสวมหน้ากากอนามัย N95 หรือการหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ไม่สามารถปกป้องเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในอาคารบ้านเรือนซึ่งเป็นสถานที่ที่เราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่. การทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ หรือปลูกต้นไม้ฟอกอากาศอาจช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่สำหรับวิกฤตฝุ่นที่รุนแรง การมีเพียงเครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) อาจไม่เพียงพอ เนื่องจากทำได้เพียงฟอกอากาศที่หมุนเวียนอยู่ภายในห้อง แต่ไม่ได้ป้องกันฝุ่นใหม่จากภายนอกที่เล็ดลอดเข้ามาตามช่องว่างต่างๆ และยังทำให้ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการหายใจสะสมสูงขึ้น

ดังนั้น การสร้าง “ห้องปลอดฝุ่น” ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง จึงควรพิจารณาติดตั้ง เครื่องเติมอากาศสะอาดในบ้าน (Positive Pressure Air Purifier) ระบบนี้ทำงานโดยการดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาผ่านแผ่นกรองประสิทธิภาพสูง (HEPA Filter) เพื่อดักจับฝุ่น PM2.5 เชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ ก่อนจะเติมอากาศสะอาดนั้นเข้ามาในบ้าน หลักการนี้จะสร้างสภาวะที่เรียกว่า “แรงดันบวก” (Positive Pressure) ซึ่งความดันอากาศภายในห้องจะสูงกว่าภายนอกเล็กน้อย ทำให้สามารถผลักอากาศสกปรกและป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองเล็ดลอดเข้ามาตามประตูหรือหน้าต่างได้ การเลือกใช้เครื่องเติมอากาศจึงเป็นโซลูชันที่ครอบคลุมและยั่งยืนกว่าในการสร้างพื้นที่อากาศบริสุทธิ์และปลอดภัยให้กับทุกคนในครอบครัวได้อย่างแท้จริง

ขอตรวจสอบคุณภาพอากาศ

ติดต่อขอทีมงาน "FN" ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ประเมินการติดตั้งใน กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ได้ทุกวัน *